รายงานพิเศษ

“เผชิญความจริงกับสิ่งที่เปลี่ยนไป (ในงานวารสารศาสตร์)”

30 มี.ค.55 ที่ห้อง Convention Hall สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์  นายบัณฑิต จันทศรีคำ (แคน สาริกา) บรรณาธิการอำนวยการหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก กล่าวระหว่างเสวนา “เผชิญความจริงกับสิ่งที่เปลี่ยนไป (ในงานวารสารศาสตร์)” ส่วนหนึ่งของการประชุมเครือข่ายนักวิชาการและวิชาชีพสื่อมวลชน ประจำปี 2555 เรื่อง “ยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตวารสารศาสตร์” ครั้งที่ 1 ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ปรากฏการณ์ทีวีดาวเทียมที่มีกว่า 200 ช่อง และเป็นคนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ซึ่งพูดแล้วมีคนเชื่อ ซึ่งไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงธรรมดาแต่เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก

“ตอนนี้มีการสื่อสารเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อเยอะมาก ซึ่งกำลังเป็นปัญหาทั้งบนสื่อใหม่ และสื่อเก่า ตัวอย่างเฟซบุ๊กเป็นสื่อใหม่ที่เลวร้ายมากไม่ชอบใครก็ลบออก รับเป็นเพื่อนเฉพาะคนที่ชื่นชม ซึ่งการใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียอยู่ที่การวางตัวอยากให้คนยอมรับก็ต้องฟังทั้งสองฝ่าย ส่วนปัญหาใหญ่ของคนทำงานสื่อคือวิธีคิดที่เปลี่ยนยาก”

นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา กล่าวว่า หนังสือพิมพ์จะตายภายใน 5 ปี ในแง่ที่ไม่สามารถหารายได้จากธุรกิจได้ซึ่งเป็นรายได้หลัก ดังนั้นจะเห็นว่าหนังสือพิมพ์พยายามที่จะดิ้นหารายได้จากการทำเว็บไซต์ อินเทอร์เน็ตทีวี แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ เพราะผู้ที่เอารายได้ไปคือผู้ผลิตคอนเท้นท์

“สำหรับนักข่าวเรื่องของสมองกับความคิดนักข่าวไม่เคยปรับตัว เนื่องจากต้องให้คนอื่นกำหนดประเด็น”

นายประสงค์ กล่าวต่อว่า ถ้าจะบอกเรื่องปรับตัวต้องปรับตัวในเชิงลึกของการทำข่าว ต้องทำให้เนื้อหาข่าวหลากหลายขึ้น แต่คนที่อ่านข่าวโซเชี่ยลมีเดียเป็นคนที่สมาธิสั้น ซึ่งสังเกตได้จากเวลาที่ใช้ในการอยู่ในเว็บไซต์ กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์ไม่ถึง 1 นาที ดังนั้นการที่จะนำเสนอข่าวเชิงลึกลงไปอยู่ในเว็บไซต์เป็นเรื่องยาก

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เด็กรุ่นใหม่อายุ 30 ปีลงมา อ่านข่าวจากการที่เพื่อนแชร์ข้อมูลทางทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ไม่ใช่ทางเว็บไซต์ แต่ก็ยังมีคนที่อายุ 30 ปีกว่าที่ยังเข้าเว็บไซต์ข่าว  จากการที่ได้คุยกับเพื่อนนักข่าวชาวอินโดนีเซียพบว่าคนอินโดนีเซียกว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์เข้าอ่านข่าวจากเว็บไซต์โดยเชื่อมโยงมาทางเฟซบุ๊ก

“คิดว่าในอนาคตเว็บไซต์และสื่อหลักๆ อาจไม่ใช่เพียงแค่ร่วมมือกับพลเมืองข่าว แต่จะต้องร่วมกับนักข่าวที่ทำเว็บไซต์ขึ้นเองโดยต้องมีการทำสัญญาและนำเนื้อหามานำเสนอในเว็บไซต์ด้วย”

ดร.สุดารัตน์ ดิษยวรรธนะ จันทราวัฒนากุล สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า ต้องดูว่าการใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียใช้อย่างไร เพราะมีข้อขัดแย้งเยอะมาก เช่น ชอบเขียน แต่ไม่ชอบสะกดให้ถูก ซึ่งมีความขัดแย้งกัน และในแง่ของทางนิเทศศาสตร์ต้องมีการปรับเยอะ โดยประการแรกที่ต้องคำนึกถึงคือเรื่อง “บิสสิเนส โมเดล” อาทิ กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน หรือเพิ่มความรู้ในเรื่องอื่นๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องวารสารศาสตร์ เช่น วารสารศาสตร์เรียนทีวี หรือวิทยุ ด้วยไหม ซึ่งต้องกำหนดให้ได้

1 ความเห็น

ใส่ความเห็น