ก๊อซซิป

แท็บเล็ตป.1 พันธุ์แม่สายบัวรอ…?

ตั้งแต่รัฐบาลประกาศว่าจะมีโครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 หรือโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) โครงการนี้ก็เป็นที่จับจ้องของสังคม ทั้งตัวเด็กนักเรียนที่จะได้ใช้แท็บเล็ต คุณครู พ่อแม่ รวมไปถึงคนไทยที่เฝ้ารอการพัฒนาทางด้านการศึกษาของประเทศ

ระหว่างที่การคัดเลือกบริษัทที่จะได้โครงการจัดหาแท็บเล็ตจาก 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี บริษัท ทีซีแอล บริษัท ไฮเออร์ และบริษัท สโคป ให้เหลือเพียงบริษัทเดียว จนสุดท้ายบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ก็ได้งานนี้ไป แต่เปลี่ยนรูปแบบการจัดหาจากจีทูจี หรือรัฐบาลกับรัฐบาล เป็นการทำเอ็มโอยูระหว่างเอกชนที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีนกับ…?

ที่ใส่เครื่องหมาย ? ไม่ได้กวนแต่อย่างใด เพียงแต่ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากก่อนหน้านี้รมว.ไอซีที กล่าวว่าจะเป็นผู้ลงนามในสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตเอง แต่วันนี้ (9 เม.ย.) เปลี่ยนแล้ว

ย้อนความสักนิด เมื่อวันที่ 5 เม.ย.55 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที กล่าวว่า จะเซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 ให้ได้ภายในวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันเดียวกับที่อัยการสูงสุดส่งหนังสือสัญญาการจัดซื้อแท็บเล็ตที่ไอซีทีส่งไปให้ตรวจสอบด้านกฎหมายกลับมาให้ ทว่าบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ติดปัญหาเรื่องเอกสารยืนยันของธนาคาร (แบงก์ การันตี) ไม่เรียบร้อย ช่วงเย็นวันเดียวกันรมว.ไอซีที กล่าวว่า จะเซ็นสัญญาได้ในวันที่ 10 เม.ย.นี้

คล้อยหลังเพียงหนึ่งวัน คือวั นที่ 6 เม.ย.หลังจากกระทรวงไอซีทีไม่สามารถเซ็นสัญญาจัดหาแท็บเล็ตได้ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยจะจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตจากจีน 1 ล้านเครื่อง ในวงเงิน 2,400 ล้านบาท ซึ่งจากเดิมคณะกรรมการแท็บเล็ตได้สรุปมาที่ 9 แสนเครื่อง วงเงิน 1,900 ล้านบาท เพื่อจัดสรรให้นักเรียนชั้นป.1 ทุกสังกัดทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งการส่งมอบเครื่องแท็บเล็ตกระทรวงไอซีทีจะเป็นผู้รับผิดชอบ หากการลงนามไม่ทันในสัปดาห์หน้าก็มีความเป็นไปได้ที่เด็กๆ อาจได้ใช้เครื่องแท็บเล็ตในภาคเรียนที่ 2

สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนที่บรรจุในเครื่อง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ อีบุ๊คส์ใน 5 กลุ่มสาระวิชา ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ และมีอีเลิร์นนิ่ง ออฟเจ็ค (learning object) อีก 336 หน่วยการเรียนรู้ ซึ่งในช่วงปิดภาคเรียนขณะนี้ ได้จัดอบรมครูเกือบ 55,000 คน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอน

มาวันนี้ (9 เม.ย.) รมว.ไอซีที กล่าวว่า พรุ่งนี้(10 เม.ย.) จะนำเรื่องการจัดซื้อแท็บเล็ตตามโครงการจัดหาแท็บเล็ตเด็กป.1 ที่บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ได้รับคัดเลือกให้จัดหาแบบเอ็มโอยูโดยภาคเอกชนของจีนได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีน เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อกำหนดจำนวนแท็บเล็ตที่จัดซื้อซึ่งเพิ่มเติมจากที่ครม.อนุมัติไว้ครั้งที่แล้ว พร้อมทั้งขอมติครม.เพื่อแก้ไขผู้ลงนามในสัญญาจัดซื้อให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการจัดหา ส่วนการลงนามจะกำหนดอีกครั้งเมื่อครม.เห็นชอบตามที่เสนอ

สำหรับการจัดหาจำนวนแท็บเล็ตเพิ่มจาก 9 แสนเครื่อง เป็น 1 ล้านเครื่อง  และเพิ่มงบประมาณจาก 1,900 ล้านบาท เป็น 2,400 ล้านบาท รมว.ไอซีที บอกว่า เป็นการรวมการจัดหาแท็บเล็ตในส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าไปด้วย ซึ่งงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมาอีก 500 ล้านบาท ทั้ง 3 ส่วนงานจะเป็นผู้นำเงินมาจ่าย ซึ่งเป็นการดำเนินงานจัดหาโดยรัฐบาล

“ส่วนผู้ที่จะเซ็นสัญญาจัดหาแท็บเล็ตตามโครงการนี้ ตามระเบียบพัสดุต้องให้หัวหน้าหน่วยงานเป็นผู้เซ็นสัญญาคือ นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีแผนจัดหาแท็บเล็ตแบบจีทูจีสำนักงานอัยการสูงสุดให้ความเห็นว่ารมว.ไอซีทีต้องเป็นคนเซ็นสัญญา แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นแบบเอ็มโอยูแล้วต้องให้หัวหน้าหน่วยงานเซ็นสัญญา”

เอาล่ะ…ถึงนาทีนี้ ผลลัพธ์โครงการดังกล่าวจะเป็นอย่างไรยากเกินคาดเดา รู้แต่ว่าเป็นเด็กไทยยุครอใช้แท็บเล็ตจีน ต้องอดทนรอ อดทนลุ้น และอดทน!

1 ความเห็น

ใส่ความเห็น