วันนี้ (25 พ.ค.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) พาผู้สื่อข่าวดู 12 ขั้นตอนในการตรวจสอบคุณภาพและสเปกแท็บเล็ตป.1 จำนวน 2,000 เครื่อง ซึ่งเป็นแท็บเล็ตล็อตแรกที่บริษัท สโคป ส่งมาให้ตรวจสอบ ก่อนจะผลิตจริง 4 แสนเครื่องซึ่งจะส่งมาให้ในเดือนก.ค.นี้



น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า หลังตรวจสอบสเปกแท็บเล็ตแล้ว แท็บเล็ตจำนวน 2,000 เครื่องจะถูกจัดส่งให้กระทรวงศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการอบรมการใช้งานแท็บเล็ตให้กับคุณครูเพื่อเตรียมความพร้อมต่อไป ซึ่งการพานักข่าวมาดูขั้นตอนการตรวจสอบวันนี้เพราะมีข่าวลือว่าสเปกแท็บเล็ตผิดและจำนวนที่ได้มาไม่ครบ
นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา(แท็บเล็ต)กล่าวว่า วันนี้เป็นเพียงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจสอบแท็บเล็ตป.1 และประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดการตรวจสอบแท็บเล็ต ส่วนวันนี้ยังไม่มีการนำเครื่องแท็บเล็ตของจริงมาตรวจสอบเนื่องจากยังรอตรวจสอบเอกสารบางส่วนให้ครบถ้วนก่อน
สำหรับเอกสารที่ทางคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ตรออยู่คือ เอกสารประกันเครื่อง ซึ่งระบุชัดในข้อ 9 ของสัญญาจัดซื้อ ว่า ก่อนที่จะทดสอบแท็บเล็ตต้องมีหนังสือประกันภัยส่งถึงมือก่อน เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้รับเงินประกัน 200,000 บาท/เครื่อง


สำหรับ 12 ขั้นตอน ประกอบด้วย การสุ่มเครื่องเพื่อทำการทดสอบ การตรวจสอบเอกสาร ลงทะเบียนเครื่องแท็บเล็ตพกพา นำเฉพาะเครื่องที่สุ่มมาทำการทดสอบ ทดสอบติดตั้งระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับอนุญาต การติดตั้ง แอพพลิเคชั่นสำหรับการทดสอบ การทดสอบลักษณะเฉพาะของเครื่อง การติดตั้งและลบโปรแกรมไฟล์เสียง จัดอุปกรณ์ใส่กล่องให้ครบถ้วนถูกต้องตามหมายเลขที่กำหนดไว้ข้างกล่อง และจัดเก็บข้อมูลที่ได้ทำการทดสอบแล้ว
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการแท็บเล็ตได้มีการสรุปราคาเครื่องของแท็บเล็ตสำหรับครูจำนวน 55,500 เครื่องไว้ที่ราคาเครื่องละ 88 เหรียญสหรัฐ บวกค่าสายไปอีก 2.75 เหรียญสหรัฐ โดสัญญาจะสามารถเซ็นได้ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งตามกระบวนการคณะกรรมการจะใช้เวลาในการจัดซื้ออยู่ที่ประมาณ 3 สัปดาห์ต่อจากนี้ ซึ่งขั้นตอนการทำสัญญาจะยังคงใช้ลักษณะเดียวกันหมด โดยกระทรวงไอซีทีจะต้องวางเงินมัดจำที่ 5% ของทุกการทำสัญญา ทั้งนี้ เครื่องแท็บเล็ตสำหรับครูจำนวน 55,500 เครื่องนี้ จะอยู่ในล็อตเดียวกันทั้งหมดตามจำนวนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจำนวน 1 ล้านเครื่อง วงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จะต้องเชิญ บริษัท สโคป มาเจรจาเพื่อต่อรองราคากันอีกครั้ง
