วานนี้ (1 มิ.ย.)นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค.55 เจ้าหน้าที่กทช.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ดำเนินการตามที่สำนักงานกสทช.แจ้งเตือนหรือไม่ พบว่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ กสท และทีโอที ยังมีบัตรเติมเงินที่กำหนดวันหมดอายุ ดังนั้นภายในวันที่ 30 พ.ค.55 สำนักงาน กสทช.จึงได้ตั้งคณะกรรมการกำหนดค่าปรับทางปกครอง กรณี การบังคับให้ปฏิบัติตามข้อ11 โดยคณะกรรมการฯได้พิจารณากำหนดค่าปรับทางปกครองเป็นเงิน 100,000 บาท/วัน ซึ่งได้ส่งหนังสือถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 รายแล้ว มีผลการปรับตั้งแต่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่อได้รับหนังสือแล้ว สามารถอุทธรณ์คำสั่งได้ภายใน 15 วัน ซึ่งถ้าผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออุทธรณ์ทางสำนักงานกสทช. ก็จะยืนยันคำสั่งเดิม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้พูดคุยกันมา 4-5 ปีแล้ว และเรื่องพรีเพดผู้บริโภคก็ถูกเอาเปรียบมาตลอด
ปัจจุบันมีเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เปิดใช้งานอยู่ในตลาด 110 ล้านเลขหมาย และเป็นการใช้งานในระบบเติมเงิน 64 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ยังออกคำสั่งบังคับทางปกครองเรียกปรับกรณีที่บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นค่าปรับวันละ 80,000 บาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป”
ทั้งนี้ ตามประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ข้อ 11 ระบุว่าการให้บริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินห้ามกำหนดระยะเวลาการใช้บริการ ซึ่งสำนักงานกสทช.ได้ส่งหนังสือแจ้งผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เกี่ยวกับประกาศดังกล่าวโดยลงวันที่ 8 พ.ค.55 ให้ปฏิบัติตามคำสั่งเลขาธิการ กสทช. และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ว่าด้วยเรื่องการห้ามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการล่วงหน้า(บัตรเติมเงินมือถือระบบพรีเพด) ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งผู้ประกอบการได้รับหนังสือแจ้งในวันที่ 14 พ.ค.55 และต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 29 พ.ค.55 แต่พบว่าผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตาม

