วานนี้ (17 ก.ค.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.55 ที่ทางสำนักงานกสทช.ได้ออกคำสั่งบังคับทางปกครองโดยเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ จำนวน 280 รุ่น จาก 27 บริษัท รวมกว่า 970,000 เครื่อง เนื่องจากพบว่าใช้รายงานผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการทดสอบของต่างประเทศที่ไม่ได้ออกโดยห้องปฏิบัติการทดสอบของต่างประเทศนั้นหรือมีการปลอมแปลง หรือแก้ไข เปลี่ยนแปลง ลดทอน แต่งเติมเนื้อหาหรือข้อมูลในรายงานผลการทดสอบให้ผิดแผกจากรายงานผลการทดสอบต้นฉบับ ซึ่งทั้ง 27 บริษัท ไม่สามารถขออุทธรณ์คำสั่งมาที่สำนักงาน กสทช.ได้ ล่าสุดสำนักงาน กสทช.ให้สิทธิ์ ทั้ง 27 บริษัท ทำหนังสือชี้แจงมาทางสำนักงานกสทช.ได้ว่าไม่มีเจตนาที่จะปลอมแปลงเอกสาร โดยวานนี้ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานของสำนักงานกสทช. ในการรับหนังสือชี้แจงจากทั้ง 27 บริษัท
“ตั้งแต่วันนี้สำนักงาน กสทช.เปิดให้ทั้ง 27 บริษัทมายื่นเอกสารเพื่อแสดงว่าไม่มีเจตนาจะปลอมแปลงเอกสารการรับรองมาตรฐานของโทรศัพท์มือถือที่นำเข้าจากประเทศจีนภายใน 90 วันนับจากวันที่สำนักงานกสทช.มีคำสั่งทางปกครอง (2 ก.ค.55) และเพื่อยืนยันว่าเอกสารที่พบว่าเป็นเอกสารปลอมนั้นข้อเท็จจริงแล้วทางบริษัทไม่มีเจตนาที่จะปลอมแปลงเอกสาร เมื่อทางสำนักงานได้รวบรวมเอกสารทั้งหมดแล้วจะนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุม กทค.เพื่อพิจารณาว่าจะแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาหรือไม่” นายฐากร กล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.55 ที่สำนักงานกสทช.ได้ออกคำสั่งบังคับทางปกครองโดยเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ จำนวน 280 รุ่น จาก 27 บริษัท ขณะนี้ยังไม่บริษัทใดส่งหนังสือชี้แจ้งว่าไม่มีเจตนาปลอมแปลงเอกสารเข้ามาให้สำนักงาน กสทช. มีเพียงโทรศัพท์มาแจ้งและให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเท่านั้น

