วันนี้ (16 ต.ค.) เวลา 17.30 น. คณะกรรมการกิจการกระจายสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 3จี แถลงข่าวร่วมกัน โดยพ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยภายหลังการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ เพื่อให้บริการ 3จี เสร็จสิ้นลง ว่า การประมูลครั้งนี้บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ประมูลคลื่นความถี่ไปในราคา 14,625 ล้านบาท ขณะที่บริษัท ดีแทค เนควอร์ค และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ ประมูลคลื่นความถี่ไปในราคา 13,500 ล้านบาทเท่ากัน รวมการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ จำนวน 45 เมกะเฮิร์ตซได้เงิน 41,625 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค ได้สิทธิ์ในการเลือกช่วงคลื่นก่อน ต่อด้วยบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ เลือกช่วงคลื่น และบริษัท ดีแทค เนควอร์ค เลือกช่วงคลื่น
ผลการเลือกย่านคลื่นความถี่ตามลำดับการเคาะราคาสูงสุด บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค เลือก
สล็อต 7 (G ) 1950 – 1955 เมกะเฮิร์ตซ และ 2140 – 2145 เมกะเฮิร์ตซ
สล็อต 8 (H) 1955 – 1960 เมกะเฮิร์ตซ และ 2145 – 2150 เมกะเฮิร์ตซ
สล็อต 9 ( I ) 1960 – 1965 เมกะเฮิร์ตซ และ 2150 – 2155 เมกะเฮิร์ตซ
บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ เลือกช่วงคลื่น
สล็อต 4 ( D) 1935 – 1940 เมกะเฮิร์ตซ และ 2125 – 2130 เมกะเฮิร์ตซ
สล็อต 5 (E) 1940 – 1945 เมกะเฮิร์ตซ และ 2130 – 2135 เมกะเฮิร์ตซ
สล็อต 6 ( F ) 1945 – 1950 เมกะเฮิร์ตซ และ 2135 – 2140 เมกะเฮิร์ตซ
บริษัท ดีแทค เนควอร์ค เลือกช่วงคลื่น
สล็อต 1 ( A ) 1920 – 1925 เมกะเฮิร์ตซ และ 2110 – 2115 เมกะเฮิร์ตซ
สล็อต 2 ( B ) 1925 – 1930 เมกะเฮิร์ตซ และ 2115 – 2120 เมกะเฮิร์ตซ
สล็อต 3 ( C ) 1930 – 1935 เมกะเฮิร์ตซ และ 2120 – 2125 เมกะเฮิร์ตซ
ต่อข้อถามเรื่องราคาที่ได้จากการประมูล พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นการประมูลครั้งแรกจึงได้รับแรงกดดันมาก ซึ่งจริงๆ แล้วการคำนวณตัวเลขต่างๆ อยู่ในการคำนวณตามสูตรของคลื่นความถี่ ซึ่งในช่วงแรกที่ยังไม่มีการประมูลในอีกหนึ่งสล๊อตก็มีความกังวลใจว่าจะต้องจัดประมูลใหม่ภายใน 1 ปี แต่ในการประมูลก็จะได้เห็นว่าผู้เข้าร่วมประมูลมียุทธศาสตร์ที่จะทำให้ได้การประมูลที่ต่ำที่สุด ซึ่งคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ ไม่ใช่คำตอบของทั้งหมด ยังมีคลื่นความถี่ที่จะประมูลอีก เมื่อจบการประมูลเสร็จแล้วคาดว่าจะสามารถออกใบอนุญาตได้ในต้นเดือนพ.ย.55 และตั้งเป้าว่าเอกชนจะสามารถให้บริการได้ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.56 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ 18 จังหวัด จากนั้นการให้บริการจะครอบคลุม 50% ภายใน 2 ปี และครอบคลุม 80% ภายใน 4 ปี
โดยบรรยากาศในช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะกรมการกสทช.ร่วมกับสักการบูชาศาลพระภูมิเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนจัดการประมูล 3จี จากนั้น ผู้เข้าร่วมประมูลทั้ง 3 รายประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค, บริษัท ดีแทค เนควอร์ค และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จับสลากเลือกห้องประมูล ตามลำดับการจับสลากของประธานกทค. โดยเริ่มต้นจากนายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท อินทัช จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจากเครือเอไอเอส เป็นผู้จับสลาก ซึ่งจับได้ห้องประมูลชั้น 6 ส่วนบริษัทในเครือทรู ตัวแทนที่จับสลากคือ นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จับสลากได้ห้องประมูลชั้น 3 และบริษัทในเครือดีแทค มีนายจอน เอ็ดดี้ อับดุลล่าห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนจับสลากได้ห้องประมูลชั้นที่ 4 ซึ่งการประมูลครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อุน จู คิม ผู้อำนวยการสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค แห่งสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินอีก 4 คน ร่วมเป็นสักขีพยานในการประมูล
สำหรับการเคาะประมูลครั้งนี้ 7 ครั้ง ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. ซึ่งมีการแบ่งใบอนุญาตเป็น 9 สล๊อตได้แก่ A B C D E F G H I สล๊อตละ 5 เมกะเฮิร์ตซ และมีราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท / สล๊อต โดยการเคาะแต่ละรอบราคาจะเพิ่มครั้งละ5 % หรือ 225 ล้านบาท เริ่มต้นรอบ1 ราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท ผู้เข้าประมูลเคาะสล๊อต A D G I จำนวน 1 ครั้ง ส่วนสล๊อต E และ F มีการเคาะ 2 ครั้ง ขณะที่สล๊อต B C F ไม่มีการเคาะเลือก รอบที่2 สล๊อต A E H มีการเคาะราคา ขณะที่สล๊อต B C F ยังไม่มีการเคาะเลือก ส่วน D G I ไม่มีการเคาะราคาเพิ่ม
กระทั่งรอบที่ 3 ผู้เข้าร่วมประมูลเคาะสล๊อต B และ C เพิ่มขึ้นมา ส่วนสล๊อต F ยังไม่มีการเคาะราคา รอบที่ 4 และรอบ5 ผู้เข้าร่วมประมูลใช้สิทธิ์ไม่เสนอราคา เนื่องจากผู้เข้าร่วมประมูลสามารถใช้สิทธิ์ได้รายละ 3 ครั้ง ทำให้ไม่มีการเสนอราคา โดยรอบที่ 6 มีการเคาะสล๊อต F ในราคาเริ่มต้น 4,500 ล้านบาท และรอบที่ 7 เป็นการสิ้นสุดการประมูล 3 จีในครั้งนี้ ด้วยมูลค่ารวม 9 สล๊อต 41,625 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อคำนวณราคาตั้งต้นของคลื่นความถี่จำนวน 45 เมกะเฮิร์ตซ โดยแบ่งการประมูลออกเป็น 9 สล๊อต สล๊อตละ 5 เมกะเฮิร์ตซ โดยมีราคาตั้งต้นอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ทำให้มีราคารวม 40,500 ล้านบาท แต่การประมูลครั้งนี้ราคารวม 9 ใบอยู่ที่ 41,625 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 1,125 ล้านบาท
สำหรับใบอนุญาต 3 จีสูงสุดอยู่ที่ 4,950 ล้านบาทจำนวน 2 ใบ คือ สล็อต E และ H รองลงมาคือใบอนุญาตราคา 4,725 ล้านบาทจำนวน 1 ใบคือ สล๊อต A และราคาใบอนุญาต 4,500 ล้านบาทมี 6 ใบคือ สล๊อต B C D F I และ G
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจแผ่นดิน(สตง.) เปิดเผยว่า การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ หรือใบอนุญาต 3 จี ในครั้งนี้ มีความมั่นใจในกระบวนการดำเนินงานที่ใช้ สำนักงานกสทช.เป็นสถานที่ในการประมูล 3 จี ครั้งแรกในประเทศ ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ประหยัดงบประมาณ ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และที่สำคัญมีความรัดกุมสามารถบริหารจัดการได้ง่ายมากกว่าในการไปจัดนอกสถานที่
“การประมูลครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และการเคาะราคาของผู้ประมูลอยู่ในสายตาของประชาชนทั่วประเทศ หน้าที่ของกสทช.คือการจัดประมูลเริ่มต้นและสุดท้ายคือความตั้งใจของผู้เข้าร่วมประมูล 3 รายว่ามีความตั้งใจมากน้อยแค่ไหน” นายพิศิษฐ์ กล่าว
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยภายหลังปิดการประมูล3จี ของกสทช. ว่า ผลการประมูลคลื่น 3จีเป็นไปตามที่คาดหมาย คือ ได้ราคาเพิ่มขึ้นจากราคาตั้งต้นเพียงเล็กน้อยคือประมาณร้อยละ 2.8 เท่านั้น คือ เพิ่มจากราคาตั้งต้นโดยรวม 9 ใบ ที่ 40,500 ล้านบาท เป็นเพียง 41,650 ล้านบาทเท่านั้น โดยมีคลื่น 6 ชุดที่มีราคาประมูลเท่ากับราคาตั้งต้น การประมูลครั้งนี้แม้จะทำให้ประชาชนมีบริการ 3จีใช้กันอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้า แต่ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชนในฐานผู้เสียภาษี เมื่อเทียบจากราคาประเมินถึง 16,335 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการทั้งสามรายได้ประโยชน์จากส่วนต่างนี้ไปเป็นเสมือน “ลาภลอย” ทั้งนี้ยังไม่รวมประโยชน์ที่ได้จากการลดค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐอีกปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญการที่แต่ละรายได้คลื่น 3จี มูลค่าถูกแสนถูกต่ำกว่าปีละ 1 พันล้านบาทต่อปี จะไม่มีผลต่ออัตราค่าบริการ 3จี ที่ประชาชนต้องจ่ายแต่อย่างใด นอกจากจะเพิ่มกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ประกอบการ ดังจะเห็นได้จากราคาหุ้นของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า ผลการประมูลครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ข้อมูลที่กสทช. พยายามโฆษณาให้ประชาชนเชื่อมาโดยตลอดว่าจะมีการแข่งขันมาก เนื่องจากคลื่นความถี่แต่ละชุดมีความแตกต่างกันมาก เสมือนเป็นที่ดินทำเลดีติดทะเลกับที่ดินแออัดติดถนนใหญ่ไม่เป็นความจริง และตอกย้ำความเชื่อของสาธารณชนในวงกว้างที่ว่า การประมูลครั้งนี้มีลักษณะเอื้อต่อการสมคบกันของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ผลการประมูลยังชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรงของการออกแบบการประมูล 2 ประการคือ หนึ่ง การจำกัดคลื่นความถี่ที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะสามารถถือครองได้ให้เท่ากัน ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันอย่างที่ควรจะเป็น สอง การกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้เกิดความเสียหายมาก เมื่อไม่มีการแข่งขันกันเท่าที่ควร ทั้งนี้ หาก กสทช. ได้รับฟังข้อทักท้วงของฝ่ายต่างๆ ก็จะไม่เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าวขึ้น
“ผมจึงขอเรียกร้องให้ กสทช. รับผิดชอบต่อความเสียหายต่อรัฐและประชาชนที่เกิดขึ้น โดยให้แถลงต่อประชาชนว่า จะมีการรับผิดชอบอย่างไร และขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ”

