ราคาทองคำ รายงานพิเศษ

ครึ่งปีหลังราคาทองแตะ 15,500 บาท

gold_bar

คาดครึ่งปีหลังราคาทองต่ำสุดอาจเหลือบาทละ 15,500 เพิ่มกำลังผลิตทองรูปพรรณมากขึ้น รองรับความต้องการของลูกค้า

น.ส.ณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทต้องเพิ่มกำลังการผลิตทองรูปพรรณมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า หลังจากที่ราคาทองคำเริ่มปรับลดลง ทำให้ลูกค้าทยอยซื้อทองรูปพรรณกันมากขึ้น และส่งผลให้ภาพรวมการซื้อขายทองกลับมาคึกคักอีกครั้ง

“ขณะนี้ทองรูปพรรณยังไม่ขาดตลาดเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไว้ เพราะลูกค้าจะรอซื้ออีกครั้งเมื่อราคาทองปรับลดลงโดยในครึ่งปีหลังประเมินว่าราคาต่ำสุดจะอยู่ที่ 1,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 15,500 บาท และสูงสุดที่ 1,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 21,500 บาท ส่วนระยะสั้นในเดือน ก.ค.นี้ ประเมินว่าราคาต่ำสุดจะอยู่ที่ 1,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 17,000 บาท และสูงสุดที่ 20,300 บาท โดยราคาทองคำในประเทศจะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นกับปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทเป็นหลัก หากเงินบาทแข็งค่ามากราคาทองจะลดลง แต่หากบาทอ่อนราคาทองจะปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นนักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น”

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ราคาทองคำทำจุดต่ำสุดที่ 17,800 บาท เป็นผลจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น เศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว และการที่ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอและหยุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (คิวอี) ทำให้ราคาทองคำปรับลดลง ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในครึ่งปีหลังนี้ ยังอยู่ในขาลง

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้ ทิศทางราคาทองที่ปรับลดลงส่งผลทำให้ประชาชนสนใจเลือกซื้อทองเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการเก็งกำไรในทองคำแท่ง และซื้อทองรูปพรรณที่ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้ารายใหม่ แม้จะต้องเสียค่ากำเหน็จ แต่สามารถเป็นเครื่องประดับสวมใส่ ทำให้ร้านทองต้องเพิ่มกำลังการผลิตทองรูปพรรณรองรับความต้องการที่มีมาก

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ 

ใส่ความเห็น