ภัยสังคมยุคนี้มีมากมายจนตามแทบไม่ทัน แต่เพื่อป้องกันการโดนหลอกจึงจำเป็นที่ต้องติดตามเพื่อระวังภัย!
ล่าสุด ภัยสังคมอีกรูปแบบที่พัฒนาฝีมือให้แนบเนียมจนเซียนทองยังต้องอึ้ง! คือ “ภัยทองคำยัดไส้” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จ.นครราชสีมา
สืบเนื่องจากกรณี นายสุเทพ ณัฐกานต์กนก เจ้าของร้านทองกรุงเทพตราหัวใจคู่ และ น.ส.ภัทรียา รัตน์ศิริมณีเวทย์ ตัวแทนจากร้านทองไทเฮ้งล้ง ตราช้าง ตั้งอยู่ในตัวเมืองนคร ราชสีมา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครราชสีมา ว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นเข้ามาหลอกให้รับซื้อทองแท่งยัดไส้ น้ำหนักรวม 4 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามจับกุม นางวรนุช กันโต อายุ 44 ปี ผู้ที่นำทองมาขาย และนางศิริพร จิตรติกรกุล ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของทองไว้ได้ โดยในเบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ อ้างว่าได้ซื้อทองแท่งมาจากร้านทองแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา มาเก็บไว้ ก่อนมีปัญหาเงินขาดมือ จึงนำทองออกมาขาย ทำให้เพิ่งทราบว่าเป็นทองยัดไส้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
กระทั่งวานนี้ ( 29 ส.ค.) พ.ต.ท.มงคล แก้วโพธิ์ สว.สส.สภ.เมือง จ.นครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนติดตามคดี เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ส่งของกลางไปให้สมาคมผู้ค้าทองตรวจสอบอย่างละเอียดว่า วัตถุที่อยู่ภายในทองแท่งคืออะไร ได้มาจากไหน และถูกทำขึ้นมาได้อย่างไร แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ทองแท่งที่ถูกทำขึ้นมีความละเอียดมาก ทั้งเรื่องน้ำหนัก รูปพรรณ และสัญลักษณ์อื่น ๆ ทำได้อย่างแนบเนียน เชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการใหญ่ หรือเป็นฝีมือของช่างผู้เชี่ยวชาญ
นายชัยชนะ ประพฤทธิพงษ์ ประธานชมรมร้านค้าทองนครราชสีมา กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุนายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ได้รับปากว่าจะช่วยดำเนินการตรวจสอบให้ โดยจะนำส่งของกลางไปตรวจสอบยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งตนยังได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่บริษัทที่นำเข้าทองแท่งจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตทองแท่งยักษ์ใหญ่ว่า จะส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบเรื่องราวด้วยตนเอง เนื่องจากเหตุการณ์นี้อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตได้รับผลกระทบในเรื่องชื่อเสียงด้วย
“แนวทางป้องกัน ทางชมรมร้านค้าทองนครราชสีมา ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังสมาชิก ผ่านทางไลน์ เอสเอ็มเอส รวมทั้งเฟซบุ๊ก เพื่อให้ระมัดระวังแก๊งมิจฉาชีพนำทองยัดไส้มาขาย และช่วยกันดำเนินการตรวจสอบว่าพบทองยัดไส้ในพื้นที่ใดอีก แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบ อาจเป็นเพราะผู้ที่มีทองแท่งไว้ในครอบครองอาจไม่กล้าพิสูจน์” นายชัยชนะ กล่าว
นายชัยชนะ กล่าวว่า การพิสูจน์ ว่าเป็นทองจริงหรือทองยัดไส้ ทำได้วิธีการเดียว คือ การใช้ไฟเผา หรือนำไปหลอม เพราะเมื่อทองคำแท่งร้อนจนใกล้ถึงจุดหลอมละลาย ตัวที่ยัดไส้อยู่ข้างในจะหลอมละลายเร็วกว่าเนื้อทอง ซึ่งส่งผลให้ปริแตกและดันตัวออกมาด้านนอก แต่การเผาพิสูจน์หากพบเป็นทองจริงก็จะทำให้ทองเสียมูลค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ และจะทำให้ราคาตกลงไปด้วย ตอนนี้จึงต้องรอให้ทางสมาคมร้านค้าทองคำ หาวิธีตรวจสอบทองที่จะไม่ทำให้เสียมูลค่า
ช่วงนี้สถานการณ์ราคาทองคำในประเทศก็กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้การลงทุนกลายเป็นเรื่องสุญเปล่าต้องระวังให้ดี เพราะภัยนี้อาจทำให้เงินหมดกระเป๋าได้.
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์

