“พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข” มีความหมายว่า เป็นปางที่ประทานความมีกินมีใช้ เงินทองไม่ขาดมือ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ ขจัดปัญหา ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ เนื้อองค์มีสีชมพู ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีผู้ใดมาขอพรก็มักจะสำเร็จสมดังใจหวัง ทำให้เป็นที่นับถือของคนทั่วไป
องค์พระพิฆเนศ มีความสูง 16 เมตร ยาว 24 เมตร มีสีชมพูสวยงาม ลักษณะกึ่งนั่ง กึ่งนอนตะแคง พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายถืองาที่หัก หากใครได้เดินทางมากราบไหว้จะนำความสุขสบายมาสู่ชีวิต รอบฐานมีปางต่าง ๆ ถึง 32 ปางให้ชม ภายใต้ฐานพระพิฆเนศเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับพระพิฆเนศปางต่างๆ และประวัติวัด
สำหรับประวัติ วัดสมานรัตนาราม ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้นเล่าสืบกันมาว่ามีครอบครัวหนึ่งอยู่ในฐานะมั่นคง เป็นคหบดี คือ ท่านขุนสมานจีนประชา เมื่อท่านถึงแก่กรรม ภรรยาทั้ง 2 และน้องสาว มีศรัทธาคิดจะสร้างวัดเพื่อเป็นกุศลให้ขุนสมานจีนประชาผู้ล่วงลับ จึงได้ดำเนิการสร้างวัด ปรากฏตามหลักฐานเมื่อ พ.ศ. 2422 เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงได้ตั้งชื่อวัดว่า “วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร” เป็นวัดราษฎร์ คณะสงฆ์ปกครองวัดสมัยนั้นเป็นฝ่ายมหานิกาย แต่ปกครองไม่นานนัก ผู้สร้างวัดได้ถวายพระในคณะธรรมยุติ
เมื่อครั้งสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส เสด็จออกตรวจสังฆมณฑลทางเรือตามลำน้ำบางปะกงได้ขึ้นเยี่ยมวัด ทรงเห็นป้ายชื่อวัดไม่สอดคล้องกับตำบลไผ่เสวก จึงประทานนามวัดเสียใหม่ชื่อ “วัดไผ่เสวก” ครั้นกาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี ทางราชการได้ยุบตำบลไผ่แสวกไปรวมกับตำบลบางแก้ว จึงได้มีความเห็นพ้องของพระผู้ใหญ่และชาวบ้านขออนุญาตทางราชการตั้งชื่อวัดเสียใหม่ว่า “วัดสมานรัตนาราม” โดยมีคำว่า “สมาน” เพราะเป็นตระกูลที่สร้างวัด และคำว่าแก้ว (รัตนา) เพื่อให้สอดคล้องกับตำบล
ที่ตั้ง วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง บ้านหมู่ที่ 11 ตำบลบางแก้ว(ตำบลไผ่เสวกเดิม) อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา













รูปนี้จากเพจเฟซบุ๊กวัดสมานรัตนาราม https://www.facebook.com/WatSaman2556/photos/3249672721714633




