

-อุโบสถ-
อุโบสถของวัดสิงห์สร้างขึ้นในเขตเจดีย์และวิหาร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตโบราณสถานของวัด ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรไว้ อาคารเป็นทรงโรงมีมุขหน้า หลังคาเป็นแบบซ้อนสองชั้น และมีการลดระดับของหลังคาเป็น 3 ตับ จั่วมีลักษณะบีบเล็กและสูง ส่วนตัวอาคารมี 5 ห้อง หรือ 5 ช่วงเสา ก่ออิฐถือปูนเป็นผนังไปจรดอกไก่ เครื่องบนช่อฟ้าใบระกา กระเบื้องซ่อมแซมใหม่ ซุ้มประตูหน้าต่างปั้นปูนหลังช่วงบนยังคงเหลือหน้าบันไม้แกะสลักเป็นลายช่อหางโตปิดทองร่องกระจกของเดิมที่สวยงาม ส่วนภายในอุโบสถจะมีระดับต่ำกว่าพื้นภายนอก ซึ่งเป็นลักษณะโบสถ์โดยทั่วไปสมัยอยุธยา โดยรอบประกอบด้วยกำแพงแก้วล้อมรอบ เพื่อใช้วางตะเกียงตามไฟให้แสงสว่างในเวลาประกอบพิธีทางศาสนา ในเวลากลางคืน พื้นโดยรอบปูด้วยศิลา บริเวณทางเข้าทำเป็นซุ้มโค้งก่ออิฐแบบกูบช้าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลังศิลปแบบอยุธยา


ภายในอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของ “หลวงพ่อพุทธรัตนมุนี” พระประธานประจำทิศตะวันออก ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ และพระประธานองค์รวมทั้งพระลำดับอีกสามองค์ พระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย พระพักตร์รูปไข่ พระขนงโก่งโค้ง พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์ยิ้ม พระกรรณยาว พระเกศาเป็นเม็ดละเอียด พระรัศมีเป็นเกศเปลว พระวรกายบอบบางสวยงามตามรูปแบบศิลปสมัยอยุธยา หน้าตักกว้าง 5 ศอก สูง 6 ศอก พร้อมด้วยพระอู่ทองรายล้อม ฐานชุกชีส่วนบนทำเป็นบัวกลุ่มกลีบใหญ่รองรับเป็นฐานปัทม์ย่อมุมขยายจนจดแท่น ส่วนพระพุทธรูปองค์รองมีรูปทรงเช่นเดียวกัน


-วิหารน้อย–
หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเป็นอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก จำนวน 3 ห้อง หรือ 3 ช่วงเสา กว้าง 5.37 เมตร ยาว 7.86 เมตร ความหนาผนังประมาณ 60 เซนติเมตร ผนังสกัดหน้ามีประตูทางเข้า 1 ช่อง ส่วนด้านหลังเจาะเป็นช่องแสง บริเวณกึ่งกลางของอาคาร และด้านข้างอาคารมีการเจาะช่องแสงด้านละ 3 ช่อง โครงสร้างอาคารเป็นแบบผนังรับน้ำหนักลักษณะหลังคาเป็นผืนเดียวและมีการลดระดับของหลังคาเป็น 2 ตับ มุงด้วยกระเบื้องดินเผากาบู ด้านหน้าอาคารมีการก่อเฉลียงยื่นออกมา ลักษณะฐานอาคารแอ่นสำเภา เป็นฐานบัวลูกแก้วหน้าต่าง มีช่องประตูเข้าทางเดียว วงกบประตูทำด้วยไม้สักทอง บานประตูมีความหนามาก

ในวิหารน้อยเป็นที่ประดิษฐานของ “หลวงพ่อพุทธสิริมาแสน” เป็นพระประธานประจำทิศตะวันตก เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สร้างจากศิลาทรายแดง ปางมารวิชัย บนฐานชุกชี และมีพระลำดับลดหลั่นลงมา ด้านหน้า 2 องค์ ด้านข้างมีพระอัครสาวกยืนพนมมือซ้ายขวา

-ศาลาดิน-
เป็นอาคารทรงไทยจั่วลูกฟักหน้าพรหม มีมาลัยโดยรอบ มุงด้วยกระเบื้องกาบู กระเบื้องเชิงชายทำเป็นบันแถลงรูปสามเหลี่ยม ปลายเรียวโค้งรูปเทพพนมสลับกับดอกบัว ภายในมีเสาระเบียบเรียบรายรอบเป็นจำนวนมาก พื้นปูด้วยกระเบื้องดินเผาขัดมัน
ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปก่อด้วยอิฐถือปูนลงรักปิดทองปางมารวิชัยประจำทิศเหนือ มีพุทธลักษณะที่งดงาม มีขนาดหน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก ไรพระศกเล็กแบบหนามขนุน ด้านหลังองค์พระมีพนักพิงเป็นซุ้มเรือนแก้ว ก่อด้วยอิฐมีลวดลายปูนปั้นเป็นคิ้ว ขอบเป็นเขี้ยวตะขาบจรดปลายแหลม ด้านล่างทั้งสองข้างทำเป็นลายกนก ฐานชุกชีก่อด้วยอิฐฉาบปูนเป็นชั้นย่อมุมสิบสองลดหลั่นกันลงมา ประดับด้วยลายปั้นลายหน้ากระดานประจำยามก้ามปูปิดทองร่องกระจกสีเขียว มีพระอันดับลดหลั่นลงมา พร้อมด้วยด้านข้างมีพระอัครสาวกยืนพนมมือซ้ายขวา


นอกจากนี้ยังมี “หลวงพ่อเพชร” พระพุทธรูปปางไสยาสน์ ประจำทิศใต้ ประดิษฐานอยู่ด้านหลังหลวงพ่อโตในศาลาดิน ซึ่งมีซุ้มเรือนแก้วคั่น องค์พระมีขนาดยาว 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว อยู่บนฐานชุกชี ด้านหน้าองค์หลวงพ่อเพชรมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐานบนฐานชุกชีสององค์ ส่วนฉากด้านหลังซุ้มเรือนแก้วปรากฎภาพจิตรกรรมฝาผนังศิลปสมัยอยุธยา วาดเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ แต่รายละเอียดของภาพถูกน้ำฝนชะล้างไปจนเลือนราง ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมที่เก่าที่สุดในจังหวัดปทุมธานีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ปัจจุบัน

-โกศพญากราย-
บรรจุอัฐิพระเถระมอญ คือ หลวงพ่อพระยากราย (พระไตรสรณธัช) อดีตเจ้าอาวาสวัดสิงห์ พระยศเดิมของท่าน คือ พญากราย มีเชื้อสายของราชวงศ์มอญ

ลักษณะของโกศมีขนาดใหญ่ สร้างตามรูปแบบศิลปะมอญผสมไทย ก่อด้วยอิฐฉาบปูนรูปแบบโกศโถทรงกระบอกกลมปากผาย ฝายอดปริกปูนปั้นประดับกระจกอย่างประณีตงดงาม ฐานเหลี่ยมย่อมุมตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นประดับด้วยลายบัวแวง ลายหน้ากระดานประจำยามก้ามปู ส่วนตัวโกศประดับด้วยลายปูนปั้นลายกาบพรหมศรและกาบประจังโดยรอบตัวโกศ ส่วนย่อประดับด้วยบัวกลุ่ม 12 ชั้น บัวจงกลปลียอดและหยาดน้ำค้าง โดดเด่นด้วยรูปทรงที่ได้สัดส่วน ฝีมือปั้นปูนสดที่หาดูยาก โกศหลวงพ่อพระยากรายตั้งอยู่บริเวณหน้าวิหารน้อย ภายในกำแพงแก้ว เขตโบราณสถานของวัดสิงห์
-เกร็ดเสริม-
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสร็จประพาสเมืองสามโคก เมื่อ พ.ศ.2358 ในเทศกาลออกพรรษาเดือน 11 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม 2538 เป็นฤดูบัวออกดอบานสะพรั่ง ชาวมอญได้นำดอกบัวมาทูลเกล้าถวายแด่พระองค์ทุกวัน พระองค์ทรงพระราชทานนามเมืองสามโคกให้เป็นสิริมงคลใหม่ว่า “ประทุมธานี” และได้ถวายแท่นบรรทมแด่พญากราย เจ้าอาวาสวัดสิงห์ในสมัยนั้น
วัดสิงห์ ตั้งอยู่เลขที่ 14 หมู่ที่ 2 ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160 สังกัดมหานิกาย ประเภทวัดราษฎร์ ได้รับวิสุงคามสีมา ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2210 เขตโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรจำนวน 3 ไร่ 34 ตารางวา
ที่มาข้อมูลจากป้ายในวัด


