ตามประวัติแล้ว พระเจ้าเสือทรงโปรดให้สร้างเป็นอนุสรณ์ระลึกสถานที่พระองค์ประสูติ ณ สถานที่แห่งนี้ จังหวัดพิจิตร ลักษณะของวัดมีพระวิหารสูงใหญ่ มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้น เป็นศิลปะแบบอยุธยา ปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากกรมศิลปากร เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม
อุโบสถเป็นอาคารประธานของวัด ตั้งอยู่กึ่งกลางของเขตพุทธาวาส หันหน้าไปทางทิศตะวันตกสู่แม่น้ำน่าน ลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องตั้งอยู่บนฐานขนาดใหญ่ ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกก่อเป็นมุมยื่นออกไป ผนังสกัดด้านหน้ามีประตู 3 ประตู ผนังสกัดด้าหลังมี 2 ประตู ประตูทั้งหมดตกแต่งด้วยซุ้มยอดบุษบก ผนังอุโบสถด้านข้าง (ทิศเหนือและทิศใต้) ก่อเสาติดผนังด้านละ 8 ต้น ระหว่างช่วงเสาเจาะช่องหน้าต่างด้านละ 7 ช่อง ซุ้มหน้าต่างประดับลวดลายปูนปั้นเป็นรูปพันธุ์พฤกษา
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “หลวงพ่อโต” หน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 5 ศอก เป็นปูชนียวัตถุ ประทับบนฐานชุกชีซึ่งเป็นฐานสิงห์ย่อมุมไม้สิบสอง ลักษณะฐานแอ่นโค้งแบบอยุธยาตอนปลาย พื้นอุโบสถปูด้วยกระเบื้องดินเผา มีเสาสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองรับน้ำหนักภายใน
หน้าวัดยังมีต้นตะเคียนใหญ่ กล่าวกันว่า อายุมากกว่า 250 ปี วัดโดยรอบต้องใช้คนถึง 7 คนโอบ
วัดโพธิ์ประทับช้าง ตั้งอยู่ ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโปบราณสถานวัดโพธิ์ประทับช้าง ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม 2478















