วัดอยู่ตรงข้ามกับวัดศาลากุน (เกาะเกร็ด) การที่ย้ายมาเพื่อความสะดวกในการคมนาคมและที่ได้ชื่อว่า “วัดท่าอิฐ” จากคำบอกเล่าประชาชนโดยรอบในสมัยนั้นมีอาชีพปั้นอิฐ และเป็นท่าขึ้นลงจึงได้ชื่อเช่นนั้น ต่อมาราวปี พ.ศ.2351 รัชกาลที่ 1 ให้พระยาพลเทพ(บุญนาค) ยกทัพไปสมทบกับเมืองสงขลา พัทลุง จะนะ มอบให้หลวงนายฤทธิ์ (เถี่ยนจง) นำทัพไปตีเมืองปัตตานีได้รับชัยชนะจึงได้จับตัวระตูปะกาลันมาไว้ที่กรุงเทพมหานคร จนปัจจุบันจึงมีชาวมุสลิมอยู่หนาแน่น “วัดท่าอิฐ” จึงตั้งอยู่ในศูนย์กลางของชาวไทยมุสลิม ส่วนบุคคลที่ส้างวัดไม่ปรากฏ ซึ่งวัดท่าอิฐได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2525
อุโบสถวัดท่าอิฐดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนชั้น 2 เป็นพื้นที่ซึ่งจัดให้มีผนังล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ มีประตูทางเข้า และมีใบเสมาติดผนัง โดยที่อาสน์สงฆ์ (ที่ยกพื้นสำหรับพระสงฆ์นั่ง) ระบุว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ.2476 พระประธานในอุโบสถ ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อเพ็ชร”
จากศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า อาคารเสนาสนะวัดท่าอิฐ ประกอบด้วย อุโบสถสร้างเมื่อ พ.ศ. 2523 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ศาลาการเปรียญสร้างเมื่อ พ.ศ. 2532 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทย 2 ชั้น หอสวดมนต์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2415 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กุฏิสงฆ์เป็นอาคารไม้และอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก วิหารสร้างเมื่อ พ.ศ. 2523 ศาลาเอนกประสงค์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ศาลาบำเพ็ญกุศลเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กและครึ่งตึกครึ่งไม้ ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถปางสมาธิ พระประธานประจำศาลาการเปรียญ พระพุทธชินราชจำลอง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2514 และมณฑปเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น
นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีวิหารหลวงพ่อโตนาลันทาทอง เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางปฐมเทศนา และวิหารท้าวเวชสุวรรณ
วัดท่าอิฐ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี










