มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า ชาวบ้านท่าใหญ่กรุงศรีอยุธยาได้อพยพหลบภัยพม่าเมื่อเสียกรุง พ.ศ.2310 มาถึงสถานที่แห่งนี้เห็นว่าทำเลเหมาะจึงช่วยกันแผ้วถางจากริมคลองประดู่เข้าไป เพื่อจะสร้างบ้านเรือนอยู่ เมื่อแผ้วถางป่าลึกเข้าไปประมาณ 3 เส้น พบว่าเป็นวัดร้าง มีซากอุโบสถพระพุทธรูปศิลาแดง ปางต่าง ๆ มากมาย และพระพุทธรูป สร้างด้วยแก้ว ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากในกาลต่อมา มีใบเสมารอบอุโบสถพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ไม่มีผ้าพาด ซึ่งเรียกว่า “พระกรวย” อยู่เป็นอันมาก (ปัจจุบันไม่มีเหลืออยู่เลย) และมีเจดีย์รามัญ 2 องค์ ชำรุดหักพังอยู่ จึงทราบว่าเป็นอารามร้างไม่เหมาะจะสร้างสถานที่อยู่อาศัย จึงพากันข้ามคลองประดู่ไปแผ้วถางสถานที่แห่งใหม่ ห่างจากวัด ประมาณ 5 เส้น หมู่บ้านท่าใหญ่ ตามชื่อเดิมของผู้อพยพมายังปรากฎอยู่จนทุกวันนี้
“วัดแก้วเจริญ” ประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อ พ.ศ.2375 ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2529 มีใบเสมาคู่ คาดว่าทำพิธีผูกพัทธสีมา 2 ครั้ง แต่ไม่ทราบว่ากระทำสมัยใด สันนิษฐานว่าน่าจะผูกพัทธสีมา ซ้ำในสมัยที่ปฏิสังขรณ์อุโบสถเรียบร้อยแล้ว
สำหรับ “หลวงปู่หยอด” วัดแก้วเจริญ เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีความศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวชาญอภิญญา เป็นที่เคารพนับถือมาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันสรีระหลวงปู่หยอดหลังละสังขารยังบรรจุภายในโลงแก้วไว้ให้ประชาชน ได้กราบไหว้บูชา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) เคยเสด็จประพาสวัดแก้วเจริญ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2447 โดยแวะซื้อเสบียงและทอดพระเนตรลิเก ปัจจุบันนี้วัดแก้วเจริญก็ยังเป็นที่พึ่งพาของประชาชนในด้านการป่วยไข้ ด้วยมีพระหมอโรคกระดูกมีชื่อเสียง ประชาชนเดินทางไปหาจำนวนมากทุกวัน
วัดแก้วเจริญ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ 10 ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ริมฝั่งขวาแห่งลำแม่น้ำอ้อม(คลองแควอ้อม)
ที่มา : http://www.watkaewchareon.com/watkrewcharoen.htm












