ข่าว

ส้มหล่นใส่สาวกมือถือเติมเงิน

วานนี้ (4 เม.ย.) น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นประกาศกสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ.2555 เกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เก็บค่าโทรศัพท์จากผู้ใช้บริการได้ในอัตรานาทีละไม่เกิน 99 สตางค์ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.55

น.พ.ประวิทย์ กล่าวว่า สาระสำคัญของประกาศดังกล่าว คือการให้บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ในตลาดลดค่าบริการลงเหลือนาทีละไม่เกิน 99 สตางค์ เนื่องจากยิ่งมีลูกค้าจำนวนมากต้นทุนค่าบริการยิ่งถูก และเมื่อผู้ให้บริการรายใหญ่ลดค่าบริการลงจะส่งผลให้ผู้ให้บริการรายเล็กต้องแข่งขันเรื่องของราคาเช่นกันประโยชน์จึงตกอยู่กับผู้ใช้บริการ

 สรุปข้อดีของประกาศฉบับนี้มี 3 เรื่อง คือ

1.ทำให้ผู้บริโภคได้ใช้บริการในราคาที่เป็นธรรม เนื่องจากต้นทุนการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่เกินนาทีละ 1 บาท ดังนั้นผู้ประกอบการไม่ควรค้ากำไรเกินควร

2.ทำให้ค่าไอซี(ค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) มีอัตราถูกลงและต่ำกว่า 50 สตางค์/นาที ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องไปหารือกันเพื่อกำหนดอัตราค่าไอซีใหม่ ส่งผลให้ค่าบริการที่ผู้บริโภคต้องจ่ายถูกลงตามไปด้วย

สุดท้ายคือผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินจะได้ใช้ค่าบริการในอัตราที่ถูกลง จากเดิมที่ผู้ให้บริการกำหนดค่าบริการประมาณนาทีละ 2 บาท เพื่อให้มีวันหมดอายุอยู่ได้ 1 ปี แต่เมื่อประกาศดังกล่าวบังคับใช้จะส่งผลให้ผู้ใช้บริการมือถือเติมเงินได้ใช้ค่าบริการในอัตราค่าโทรนาทีละไม่เกิน 99สตางค์

น.พ.ประวิทย์ กล่าวว่า ช่วงที่รอประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ไม่ค่อยมีประชาชนร้องเรียนเรื่องอัตราค่าบริการเพราะเป็นเรื่องของโปรโมชั่นที่เลือกใช้บริการกันเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะร้องเรียนเรื่องสายหลุดและก่อนที่ประกาศฉบับนั้นจะออกผู้ใช้บริการมือถือแบบเติมเงินใช้ค่าโทรในอัตรานาทีละไม่เกิน 3 บาท แต่ประกาศฉบับนี้จะทำให้ผู้ใช้มือถือแบบเติมเงินได้ใช้ค่าบริการในอัตราที่ถูกลงเหลือนาทีละไม่เกิน 99 สตางค์

หากย้อนไปดูอัตราค่าบริการของโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินสมัยก่อนอยู่ที่นาทีละ 5 บาท กระทั่งปัจจุบันอยู่ที่ 3 นาทีแรกคิดค่าบริการ 2 บาท

สำหรับโปรโมชั่นที่ออกมาก่อนที่ประกาศจะบังคับใช้ผู้ให้บริการสามารถเรียกเก็บค่าบริการตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับผู้ใช้บริการต่อไปจนกว่าสัญญาดังกล่าวจะสิ้นสุดลง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 2555 และห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตทำการขยายระยะเวลาของสัญญาหรือรายการส่งเสริมการขายที่มีอยู่ก่อนวันที่ประกาศฉบับนี้ใช้บังคับ

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวนกว่า 70 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบริการเติมเงิน(พรีเพด) 63.4 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 89.78% และรายเดือน (โพสต์เพด) จำนวน 7.22 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 10.22%

1 ความเห็น

ส่งความเห็นที่ konkonpat ยกเลิกการตอบ