เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสได้เดินทางไปร่วมทดสอบการใช้บริการโทรทางไกลระหว่างประเทศ หรือบริการโรมมิ่ง ที่ประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 15-20 เม.ย.ที่ผ่านมา กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส
วันนี้จึงขอแบ่งปันข้อมูลที่ได้จากการทดสอบการใช้งานโรมมิ่งแดนปลาดิบถิ่นซากุระในอีกแง่มุมให้ได้รู้กัน
ขั้นตอนการทดสอบ เอไอเอสได้จัดเตรียมซิม และโทรศัพท์มือถือทั้งHTC และ ซัมซุง กาแล็กซี่ เอส2 พร้อมเปิดโรมมิ่งการใช้งานในประเทศญี่ปุ่นให้เรียบร้อย รวมทั้งเปิดโรมมิ่งให้กับผู้สื่อข่าวที่ใช้ซิมเอไอเอสอยู่แล้วและใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานมัลติมีเดียด้วย
เบื้องต้นของการเปิดโรมมิ่งเริ่มที่การใช้งานรับส่งข้อมูล(ดาต้า) 5 เมกะไบต์ เมื่อปริมาณการใช้งานเหลือ 1 เมกะไบต์ระบบจะส่งข้อความ(sms) เตือนให้เจ้าของมือถือระมัดระวังการใช้งาน หรือสมัครแพคเกจการใช้งานเป็น 50 เมกะไบต์ และเมื่อการใช้งานเหลือเพียง 1 เมกะไบต์ ก็จะมีsms เตือนส่งเข้ามือถือ เพื่อให้เจ้าของเบอร์ พิจารณาว่าจะลดการใช้งาน หรือเพิ่มการใช้งานเป็นไม่จำกัดปริมาณการใช้งานภายในจำนวนวันที่อยู่ในต่างประเทศ
ร่ายมาซะยาว บริการเตือนการใช้งานโรมมิ่งผ่าน sms เรียกว่า “เอไอเอส วอร์รี่ ฟรี ดาต้า โรมมิ่ง” ( Ais worry free data roaming) บริการแจ้งเตือนสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการโรมมิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นบริการแรกที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เปิดให้บริการ ประกอบด้วย 3 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่
1.แจ้งเตือนด้วยเอสเอ็มเอสเพื่อให้ลูกค้าทราบทันทีเมื่อแพคเกจดาต้าโรมมิ่งที่สมัครไว้เหลือ 1 เมกะไบต์
2.หากลูกค้าสมัครแพคเกจใช้งานไม่จำกัด เอไอเอสจะทำการบล็อกการใช้งานดาต้าโรมมิ่งที่มีการจับสัญญาณไม่ตรงกับเงื่อนไข
3.ตรวจสอบปริมาณการใช้ดาต้าโรมมิ่งที่เหลือในแพคเกจ
โดยเบื้องต้นให้บริการเฉพาะผู้ใช้เอไอเอสระบบรายเดือน(โพสต์เพด)
สำหรับยอดการใช้งานโรมมิ่ง ในปัจจุบันมีปริมาณการใช้งานโรมมิ่งในพื้นที่ประเทศไทยสูงกว่าการใช้งานโรมมิ่งในพื้นที่ต่างประเทศ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ย 2-3 แสนคนต่อเดือนซึ่งเปิดการใช้งานโรมมิ่งในประเทศไทย ขณะที่ปริมาณคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศโดยนำโทรศัพท์มือถือเปิดบริการโรมมิ่งไปต่างประเทศด้วยมีปริมาณ 2-3 หมื่นคนต่อเดือน จึงส่งผลให้มีปริมาณการใช้งานโรมมิ่งในพื้นที่ประเทศไทยมากกว่าการใช้โรมมิ่งในพื้นที่ของต่างประเทศ
ขณะที่รายได้ของบริการโรมมิ่งอยู่ที่ปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเอไอเอสมีส่วนแบ่งรายได้มากกว่า 50% และพบว่าปัจจุบันมีการใช้งานด้านรับส่งข้อมูล(ดาต้า)มากขึ้น ส่งผลให้การคิดอัตราค่าบริการด้านเสียง(วอยซ์)มีแนวโน้มถูก
ซึ่งช่องโหว่ของบริการแจ้งเตือนนี้ ที่ค้นพบในการทดสอบที่ญี่ปุ่นครั้งนี้คือ หากนำซิมเอไอเอสใส่ในเครื่อง iPad รุ่น 1 ที่ไม่สามารถใช้งานด้านการโทรศัพท์ได้ จะทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถรับ sms ที่ระบบจัดส่งให้ได้ ทำให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินกับการใช้งานโรมมิ่งไปโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากแพคเกจที่สมัครโรมมิ่งเมื่อครบแล้วและไม่สมัครแพคเกจเพิ่มก็จะถูกผลักเข้าสู่การใช้งานโรมมิ่งแบบที่ไม่ได้สมัครแพคเกจ ซึ่งมีการคิดอัตราค่าบริการอยู่ที่การใช้งาน 1 เมกะไบต์ ราคา 700 บาท อัตราค่าบริการสูงกว่าการสมัครใช้งานแบบแพคเกจ
ปัญหานี้อาจดูเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ iPad รุ่นแรกๆ ซึ่งไม่สามารถใช้งานด้านโทรศัพท์ได้ แต่ปัญหานี้ดูยิ่งใหญ่มากสำหรับเจ้าของ iPad รุ่นแรกๆ เพราะถ้าเจอการโรมมิ่งแบบไม่ยั้งมือ และค่าบริการในหลักหมื่นบาทซึ่งเกิดขึ้นจากความไม่รู้ ก็อาจนำไปสู่ปัญหาฟ้องร้องเกี่ยวกับบริการโรมมิ่งได้ เนื่องจากผู้บริโภคยังไม่สามารถคำนวนปริมาณข้อมูลที่รับส่งได้ด้วยตนเอง อาทิ ไม่รู้ว่ารูปหรือข้อความที่ส่งมีปริมาณเท่าไหร่ กี่เมกะไบต์
กรณีของ iPad ที่พบในการทดสอบการใช้งานบริการโรมมิ่งและการแจ้งเตือนในทริปนี้ ผู้บริหารของเอไอเอสบอกว่าจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับการใช้งานโรมมิ่งผ่าน iPad ขึ้นมาโดยเฉพาะ
(รายละเอียดการโรมมิ่งแต่ละประเทศโทรสอบถามได้ที่คอลล์เซ็นเตอร์ เอไอเอส 1175)


ใช่ค่ะ เวลาไปต่างประเทศต้องระมัดระวังเรื่องโรมมิ่งให้มาก เพราะอาจเสียค่าบริการแพงโดยไม่รู้ตัว ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
ก่อนหน้านี้ กสทช. ก็เคยออกมาเตือนแล้วเหมือนกัน
ศึกษาข้อมูลโรมมิ่งให้ดีก่อนเดินทางนะคะ จะได้มีเงินเหลือไว้ช้อปปิ้ง